สพฉ.จัดอบรมหลักสูตรการลำเลียงผู้ป่วยทางเฮลิคอปเตอร์ขั้นพื้นฐาน (Basic Helicopter Emergency Medical Services Course : Basic HEMS) มุ่งสร้างบุคลากรด้านการแพทย์ฉุกเฉินที่มีสมรรถนะ เพื่อให้ ประชาชนเข้าถึงบริการอย่างทั่วถึง เท่าเทียม และมีประสิทธิภาพรองรับการขยายตัวในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
เรืออากาศเอกนายแพทย์ อัจฉริยะ แพงมา เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ กล่าวถึงความสำคัญของการปฏิบัติการการแพทย์ฉุกเฉินด้วยการลำเลียงผู้ป่วยทางอากาศยาน ว่ามีความสำคัญและจำเป็น ในการให้ความช่วยเหลือผู้ป่วยฉุกเฉินอย่างเร่งด่วนในพื้นที่ห่างไกล ทุรกันดาร หรือพื้นที่ที่ไม่สามารถเคลื่อนย้ายผู้ป่วยด้วยยานพาหนะปกติได้ โดยหน่วยปฏิบัติการฉุกเฉินที่จะปฏิบัติการฉุกเฉินด้วยเฮลิคอปเตอร์ได้นั้น ต้องจัดให้มี ผู้ปฏิบัติการฉุกเฉินที่มีความสามารถในการลำเลียงผู้ป่วยทางอากาศ เพราะเป็นการปฏิบัติการที่มีความเร่งด่วน ในการช่วยชีวิตผู้ป่วย รวมทั้งเป็นความปลอดภัยของผู้ปฏิบัติการ และทีมงาน ซึ่งเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เป็นหนึ่งในเขตสุขภาพพิเศษ ที่มีความสำคัญ ที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก มีเป้าหมายหลักที่จะเติมเต็มภาพรวมในการส่งเสริมการลงทุน เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมของประเทศ เพิ่มความสามารถในการแข่งขัน ทำให้เศรษฐกิจของประเทศไทยเติบโตในระยะยาว และเพื่อรองรับความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น จึงต้องมีการเตรียมพร้อม เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่ดังกล่าว และพื้นที่ใกล้เคียงสามารถเข้าถึงบริการการแพทย์ฉุกเฉินได้อย่างมีมาตรฐาน และรวดเร็วในยามเจ็บป่วยฉุกเฉิน
เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ กล่าวต่ออีกว่า การจัดฝึกอบรมหลักสูตรการลำเลียงผู้ป่วยทางเฮลิคอปเตอร์ขั้นพื้นฐาน (Basic Helicopter Emergency Medical Services Course : Basic HEMS) รุ่นที่ 1 นี้ มุ่งสร้างบุคลากรที่มีภารกิจเกี่ยวข้องด้านการแพทย์ฉุกเฉินทางอากาศ ในพื้นที่นำร่องในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก และพื้นที่ที่เกี่ยวข้อง โดยจัดอบรมระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน - 3 ธันวาคม 2564 ณ ห้องประชุม B602 ชั้น 6 อาคารพัฒนาบุคลากรการแพทย์ฉุกเฉิน สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ โดยผู้เข้ารับการอบรมประกอบด้วย แพทย์ พยาบาล นักปฏิบัติการฉุกเฉินการแพทย์ (Paramedic) ที่มีภารกิจเกี่ยวข้องกับงานด้านการแพทย์ฉุกเฉิน จำนวน 29 คน แบ่งการอบรมเป็น ภาคทฤษฎี ใช้การสอนแบบบรรยาย และการสอนแบบ Case Base-Learning และภาคปฏิบัติ ใช้การสอนแบบสาธิต การฝึกปฏิบัติแบบจำลองเสมือนจริงและการฝึกปฏิบัติในสนามฝึก รวมระยะเวลาการฝึกอบรมทั้งสิ้น 40 ชั่วโมง หรือ 5 วัน
เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ กล่าวในตอนท้ายว่า อบรมในครั้งนี้ จะช่วยให้ผู้ปฏิบัติการด้านการแพทย์ฉุกเฉินสามารถนำองค์ความรู้ ทักษะ และสมรรถนะที่ได้รับจากการฝึกอบรมไปปฏิบัติงานจริง รวมทั้งเป็นการเพิ่มศักยภาพ และโอกาสในการบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อันจะเป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติการในการให้ความช่วยเหลือผู้ป่วยฉุกเฉินทางอากาศยาน และส่งต่อสถานพยาบาลที่มีศักยภาพในการรักษาได้อย่างปลอดภัย เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงบริการอย่างทั่วถึง เท่าเทียม และมีประสิทธิภาพ ซึ่งทางสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติต้องขอขอบคุณ ผู้บริหารและผู้เข้าร่วมอบรมจากหน่วยงานต่าง ๆ รวมทั้ง วิทยากรและหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง ที่ช่วยให้การฝึกอบรมครั้งนี้สำเร็จได้ด้วยดี