สพฉ. ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ เอกชน จัดระดมความเห็นแนวทางการช่วยเหลือผู้ประสบภัย ผ่านโครงการ “คนไทย ร่วมมือ ร่วมใจ เมื่อภัยมา” พัฒนาจัดระบบความช่วยเหลือ เร่งกระจายปัจจัยสี่ ถึงผู้ประสบภัยภายใน 24 ชั่วโมงแรก / พร้อมเตือนประชาชนรับมือน้ำท่วม => ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมจากสกู๊ปข่าวหน้า ๑ นสพ.เดลินิวส์ .. /upload/migrate/file/20110406072546.pdf
เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2554 ที่ผ่านมา สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ เอกชน อาทิ กลุ่มผู้ผลิตอาหาร น้ำดื่ม เครื่องนุ่งห่ม กลุ่มยารักษาโรค สมาคม สื่อมวลชน และมูลนิธิต่างๆ จัดระดมความคิดเห็นเพื่อหาแนวทางการจัดการช่วยเหลือผู้ประสบภัย และการจัดการสาธารณภัย โดยเฉพาะการช่วยเหลือด้านปัจจัยสี่ ผ่านโครงการ “คนไทย ร่วมมือ ร่วมใจ เมื่อภัยมา”
โครงการ “คนไทย ร่วมมือ ร่วมใจ เมื่อภัยมา” ริเริ่มขึ้น เนื่องจากเล็งเห็นว่าสถานการณ์ปัจจุบันทั้งทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย กำลังประสบกับภาวะภัยพิบัติ ทั้งเหตุการณ์แผ่นดินไหว และล่าสุดคือเหตุการณ์น้ำท่วม ดินสไลด์ในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินเป็นจํานวนมาก แต่ที่ผ่านมาจากผลการสำรวจพบว่าผู้ประสบภัยพิบัติส่วนใหญ่ยังขาดแคลนปัจจัย 4 อย่างฉับพลันโดยเฉพาะใน 24 ชั่วโมงแรก ซึ่งถือเป็นช่วงวิกฤตที่จะทําให้เกิดภาวะฉุกเฉินได้
นอกจากนี้จากผลการสํารวจของศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2553 ในหัวข้อ “ประชาชนคิดอย่างไรกับมาตรการเยียวยาผู้ประสบภัยนํ้าท่วม” พบว่า ร้อยละ 82 พร้อมที่จะบริจาคสิ่งของเครื่องใช้หรือเงินให้กับผู้ประสบภัย และร้อยละ 51 ไม่เชื่อมันว่าเงินหรือสิ่งของเครื่องใช้จะถูกนําไปบริจาคให้กับผู้ประสบภัย และเห็นควรให้มีการปรับปรุงในเรื่องความรวดเร็ว และความครอบคลุมในทุกพื้นที่
ดังนั้นทาง สพฉ. จึงจัดการประชุมระดมความเห็น และความร่วมมือจากหน่วยงานทุกภาคส่วนโดยเชื่อว่าน่าจะช่วยแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนได้
โดยเมื่อเกิดเหตุการณ์ภัยพิบัติจะมีการระดมความช่วยเหลือจากหน่วยงานผู้บริจาคปัจจัยสี่ อาหาร น้ำดื่ม เสื้อผ้า ที่พักพิงชั่วคราว ยารักษาโรค การรักษาภาวะฉุกเฉิน ในพื้นที่ใกล้เคียง ผ่านไปยังผู้รับบริจาค ซึ่งแบ่งเป็นระดับชาติ ระดับภาค ระดับจังหวัด ระดับอำเภอ ระดับตำบล และกระจายปัจจัย 4 ไปยังผู้ประสบภัยพิบัติให้ได้รับความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนภายใน 24 ชั่วโมงแรก
อย่างไรก็ตามในส่วนของสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ จะมีการเตรียมระบบการสื่อสารทั้งสายด่วน 1669 และวิทยุสื่อสาร ตลอด 24 ชั่วโมง และเตรียมพร้อมทีมแพทย์ฉุกเฉินทั่วประเทศ ให้พร้อมช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่เจ็บป่วยฉุกเฉินทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ
เลขาธิการ สพฉ. กล่าวต่อว่า ทาง สพฉ. มีโครงการเตรียมทีมแพทย์ฉุกเฉิน หรือ DMAT (Disaster Meddical Assistant Team)ซึ่งเป็นทีมแพทย์ 3-4 คน เป็นทีมเคลื่อนที่เร็ว ที่สามารถออกปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ป่วยฉุกเฉิน ซึ่งทีมแพทย์ดังล่าวจะต้องอยู่ได้ โดยไม่ต้องรับการสนับสนุนจากทีมอื่นอย่างน้อย 3วัน ทั้งในเรื่องอาหาร ที่พัก อุปกรณ์ต่างๆ โดยมีจ.ภูเก็ต ที่มีความเชี่ยวชาญเรื่องสาธารณภัย เป็นจังหวัดนำร่อง และคาดว่าในปี 2554 จะพัฒนาให้ได้ครบ 18ทีม จาก 18 เขต ทั่วประเทศ
ท้ายที่สุดจากภาวะน้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้อยากฝากให้ประชาชนเตรียมพร้อมรับมือ คือเบื้องต้นให้ระมัดระวังอันตรายในการเดินทางสัญจร โดนเฉพาะขณะที่น้ำท่วมสูงหรือไหลเชี่ยว เพราะอาจเกิดอุบัติเหตุได้ ทั้งจมน้ำ เรือล่ม เป็นต้น ระมัดระวังอันตรายจากไฟช็อต นอกจากนี้สิ่งที่ประชาชนควรเตรียมพร้อม คือ
-
เตรียมพร้อมด้านสาธารณสุขพื้นฐาน เช่น ยาสามัญประจำบ้าน เครื่องมือ อุปกรณ์สำหรับการปฐมพยาบาล เบื้องต้น ฯลฯ เตรียมไว้เผื่อการเจ็บป่วยฉุกเฉิน ถูกสัตว์หรือแมลงมีพิษกัดต่อย โรคเท้าเปื่อย โรคเชื้อรา เป็นต้น
-
เตรียมสำรองเครื่องอุปโภคบริโภคไว้ให้เพียงพอ ได้แก่ อาหาร น้ำ เครื่องนุ่งห่ม เป็นต้น
-
เตรียมอุปกรณ์ช่วยชีวิตหรือสิ่งอำนวยความสะดวกอื่น ๆ ตามที่จำเป็นในสถานการณ์อุทกภัย อาทิ เครื่องมือสื่อสารประเภท ต่าง ๆ ไว้ติดต่อยามฉุกเฉิน ยางในรถยนต์ กระสอบบรรจุทราย เทียนไข ถ่านไฟฉาย เป็นต้น
-
หากเกิดเหตุภัยพิบัติให้อพยพหรือย้ายไปอยู่ที่ปลอดภัย
นอกจากนี้หากมีอาการเจ็บป่วยฉุกเฉิน ควรรีบแจ้งสายด่วน 1669 เพื่อขอความช่วยเหลือทางด้านการแพทย์ฉุกเฉินทันที